ในทุกวันนี้ทาง Apple ได้ออก iPad ที่เจาะกลุ่มการทำงาน การใช้งานของผู้ใช้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ในแต่ละรุ่นที่ออกมานั้นมีความโดดเด่นอย่างไรบ้าง ราคาคุ้มค่ากับการใช้งานและเหมาะสมกับการทำงานของเรามากน้อยแค่นั้น วันนี้เราจะมาเสนอข้อมูลของ iPad แต่ละรุ่นเพื่อประกอบการติดสินใจของผู้อ่านกันค่ะ พร้อมแล้วไปชมกันเลยค่ะ
iPad
เริ่มกันที่รุ่นที่ถูกที่สุดในบรรดา iPad ทั้งหมดกันเลยดีกว่าค่ะ ตัวที่เอามาแนะนำนั่นคือ iPad Gen 7 ที่เปิดตัวไปเมื่อ เดือนกันยายน 2019 เจ้าตัวนี้ได้อัพหน้าจอให้ใหญ่ขึ้นจาก 9.7” เป็น 10.2” ใหญ่สะใจขึ้นไปอีกแต่ข้อจำกัดก็มีนะคะตรงที่แรมเครื่องจะน้อยมากต้องเคลียร์แอพบ่อยๆ ซึ่งเจ้าตัวนี้ราคาย่อมเยามากๆ เหมาะกับนักเรียน นักศึกษาในการใช้งานมากๆ หรือบุคคลทั่วไปที่ไม่ใข้งานหนักมากเน้นฟังเพลง ยูทูปหรือเล่นโซเชียลต่างๆ
ราคา
Wi-Fi
- 32 GB 10,900 บาท
- 128 GB 13,900 บาท
Wi-Fi + Cellular
- 32 GB 15,400 บาท
- 128 GB 18,400 บาท
ข้อดี
- ราคาย่อมเยาเหมาะกับ คนทั่วไปหรือนักเรียน นักศึกษา
- ขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้น สะดวกต่อการใช้งาน
- ใช้ Apple Pencil รุ่น 1 ได้ น้ำหนักเบา ใช้ทำงานเขียนและวาดได้อย่างลื่นไหลสุดๆ
ข้อเสีย
- แรมน้อยไม่สามารถใช้งานหนักได้อย่างหนักๆ จำเป็นเคลียร์แอพอยู่บ่อยๆ ไม่งั้นการทำงานของตัวเครื่องจะช้าลง
เหมาะสำหรับ
- นักเรียน นักศึกษา บุคคลที่ใช้ทำงานทั่วไปไม่หนักมาก
iPad mini 5
เป็นรุ่นที่เรียกได้ว่าไซส์มินิ เล็ก พกพาได้สะดวกกว่าในบรรดา iPad แต่ละรุ่น ขึ้นชื่อว่ามินิแต่เจ้าสเปคตัวเครื่องไม่ได้มินิเหมือนขนาดตัวนะคะ ซึ่งสามารถทำได้หลายอย่างไม่ว่าจะการพิมพ์งาน การวาดรูป หรือการตัดต่อวิดิโอ แต่ข้อจำกัดในเรื่องหน้าจอก็อาจจะเป็นปัญหาในการทำงานบ้างส่วนนะคะ เพราะฉะนั้นเราต้องเลือกกันดีๆแล้วละค่ะ เพราะเจ้าตัวนี้ออกมาเพื่อตอบโจทย์คนชอบพกพา และไม่ชอบ iPad ที่มีขนาดใหญ่จนเกินไปนั่นเองค่ะ
ราคา
Wi-Fi
- 64GB 13,900 บาท
- 128 GB 18,900 บาท
Wi-Fi + Cellular
- 64 GB 18,400 บาท
- 256 GB 23,400 บาท
ข้อดี
- ขนาดเล็กพกพาง่าย
- สเปคสูงทำได้หลายอย่าง
ข้อเสีย
- เนื่องจากมีขนาดเล็กทำให้การทำงานบ้างอย่างกับเจ้าตัวมินินี้อาจจะไม่เหมาะ
- ตัสสเปคและราคา มีความใกล้เคียงกับรุ่นอื่นๆอย่าง iPad Air (2019) ถ้าเน้นการใช้งานแบบหนักหน่วงแนะนำว่าเพิ่มเงินอีกนิดแล้วเรื่องรุ่นที่คุ้มค่ากับเราจะดีกว่าค่ะ
เหมาะสำหรับ
- คนทำชอบการพกพาแบบสะดวก เล็กกะทัดรัดและเน้นสายงานพิมพ์เอกสาร
iPad Air
เป็นรุ่นที่ใกล้เคียงกับ iPad mini เพราะมันคือการขยายร่างจาก iPad mini นั่นเองค่ะ เป็นรุ่นที่ครบครันและราคาก็สมเหตุสมผลลงตัวเลยทีเดียวค่ะ เพราะเจ้าตัวนี้สามารถนำไปใช้แทนโน๊ตบุ๊คได้เลย ทั้งหน้าจอกว้าง 10.5” ทำงานกันได้อย่างไหลลื่นและสะดวกสบายมากๆ แต่ยังไงซะข้อจำกัดก็ยังคงมีเหมือนเดิมค่ะ เพราะ Apple นั้นได้ตัดตัวฟีเจอร์ออกหลายตัวเลย เช่น Promotion ที่ทำให้การทำงานอย่างไหลลื่นของกราฟฟิกและ 3D ออกไปหรือจะลำโพงสเตอริโอและแฟลชกล้องหลังก็ไม่มีแล้วค่ะ
ราคา
Wi-Fi
- 64GB 17,900 บาท
- 128 GB 22,900 บาท
Wi-Fi + Cellular
- 64 GB 22,400 บาท
- 256 GB 27,400 บาท
ข้อดี
- ขนาดเครื่องกำลังพอดี ครบครัน และราคาที่สมเหตุสมผล
- ปุ่ม Home สแกนลายนิ้วมือได้ ช่องหูฟัง 3.5” และพอร์ตที่คุ้นเคย
- ใช้งานได้ทั่วแต่ความแรงของสเปคนั้นดีขึ้น
ข้อเสีย
- ลำโพงมีเพียงแค่ 2 ตัวเท่านั้น
- ตัดตัวฟีเจอร์ที่ทำให้การทำงานกราฟิก 3D ลื่นไหลออกไป ,ไม่มีลำโพงสเตอริโอและไฟแฟลชกล้องหลัง
เหมาะสำหรับ
- การทำงานโดยทั่วไปแต่ต้องการความแรง และหน้าจอที่ขยายใหญ่ขึ้น เพื่อสะดวกต่อการทำงาน
iPad Pro
มาถึงตัวสุดท้ายที่ราคาแรงที่สุดในบรรดา iPad ที่กล่าวมาข้างต้นแล้วละค่ะ คุณภาพตามราคา ครบครันแต่ราคาก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะคะ เจ้าตัวนี้เรียกได้ว่าทำงาน เล่นเกม ได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด ใช้โปรแกรมหนักๆอย่าง Adobe Photoshop , AutoCAD หรือ 3D ก็ไม่มีสะดุด ในส่วนของการถ่ายภาพก็จัดเต็ม คมชัด ไม่ทำให้ผิดหวังเหมือนกันค่ะ ตัวดีไซค์ของ iPad Pro นั้นหน้าจอจะไม่มีอะไรมากวนใจเราเลย ไม่มีทั้งปุ่มโฮมและเจ้าติ่งเล็กติ่งน้อยด้านบน มีแต่หน้าจอกว้างๆล้วนๆ ให้เราได้เล่นสนุกกันอย่างเพลินเลยค่ะ
ราคา
Wi-Fi รุ่น iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว
- 64GB 28,900 บาท
- 128 GB 33,900 บาท
- 512 GB 40,900 บาท
- 1TB 54,900 บาท
Wi-Fi + Cellular รุ่น iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว
- 64GB 33,900 บาท
- 128 GB 38,900 บาท
- 512 GB 45,900 บาท
- 1TB 59,900 บาท
Wi-Fi รุ่น iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว
- 64GB 35,900 บาท
- 128 GB 40,900 บาท
- 512 GB 47,900 บาท
- 1TB 61,900 บาท
Wi-Fi + Cellular รุ่น iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว
- 64GB 40,900 บาท
- 128 GB 45,900 บาท
- 512 GB 52,900 บาท
- 1TB 66,900 บาท
ข้อดี
- ทำงานได้อย่างราบรื่น ประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ MacBook Pro
- ลำโพงสเตอริโอ เสียงดังกังวาล 4 ทิศทาง
- หน้าจอ Liquid Retina ได้สีที่สวยและสมจริง เหมาะกับงานประเภทกราฟิกหรืองานวาดรูป
- ใช้ Apple Pencil รุ่นที่ 2
- ความจุที่มีตั้งแต่ 64 GB จนถึง 1TB (1,000 GB )
ข้อเสีย
- ไม่มีช่องสำหรับหูฟัง 3.5” จำเป็นต้องใช้หูฟังแบบ Wireless
- คีย์บอร์ดและ Apple Pencil รุ่นที่ 2 จะไม่สามารถนำไปใช้งานกับรุ่นอื่นได้
- พอร์ตเป็น USB-c (ไม่ใช่แบบ lightning )
เหมาะสำหรับ
- คนที่งบประมาณสูง ใช้งานอย่างหนักหน่วง เช่น Adobe Photoshop , AutoCAD หรือ 3D
สรุปกันชัดๆอีกครั้งว่าใครเหมาะกับตัวไหน
- iPad : หน้าจอขนาดใหญ่ ราคาย่อมเยา สเปคปานกลาง ใช้งานทั่วไป
- iPad mini : ขนาดเล็กพกพาง่าย ใช้งานทั่วไป
- iPad Air : หน้าจอขนาดใหญ่ ใช้งานทั่วไปแต่ต้องการความแรงขึ้นไปอีก ราคาปานกลาง ขยายร่างมาจาก iPad mini
- iPad Pro : เน้นหน้าจอขนาดใหญ่ ไม่มีอะไรมากวนใจ การทำงานระดับมืออาชีพเน้นการใช้งานแบบหนักหน่วง
เป็นไงกันบ้างคะ พอจะรู้กันบ้างไหมคะว่าเรานั้นเหมาะสมกับตัวไหน เลือกที่ใช่ที่คุ้มกับการใช้งานของเรา การเสียเงินครั้งนี้ก็จะวินๆทั้งคู่เลยค่ะ เพราะทุกตัวทุกรุ่นนั้นมีคุณภาพและการใช้งานแตกต่างกันอย่างมาก ร่วมถึงราคาที่แตกต่างทั้งถูกและแพงแบบครึ่งแสนกันเลยทีเดียว รอนำไปเป็นการประกอบการตัดสินใจของเพื่อนๆกันนะคะ